ไม่ใช้แล้วอยากส่งต่อ บริจาคของที่ไหนดี?

ทุกวันนี้หลายคนเริ่มตระหนักถึงผลกระทบของการบริโภคที่มากเกินจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน หนังสือ หรือแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งของเหล่านี้เมื่อเราไม่ได้ใช้งานแล้ว มักจะถูกเก็บไว้ในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน จนกลายเป็น “ของที่ไม่ได้ใช้” ซึ่งนับวันยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว คำถามคือเราควรทำอย่างไรกับสิ่งของเหล่านี้?

หนึ่งในทางเลือกที่ทั้งมีคุณค่าและเป็นมิตรต่อสังคมคือ การบริจาค เพราะนอกจากจะช่วยลดขยะและสร้างพื้นที่ในบ้านแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนของที่เรามองว่า “ไม่จำเป็น” ให้กลายเป็น “โอกาส” สำหรับใครอีกหลายคนในสังคม

การบริจาคสิ่งของคืออะไร?

การบริจาคสิ่งของ คือ การส่งต่อของใช้ที่ยังอยู่ในสภาพดี ไปยังบุคคลหรือองค์กรที่ต้องการ โดยไม่มีการแลก

เปลี่ยนเป็นเงินทอง ไม่ใช่แค่การกำจัดสิ่งของ แต่คือการเลือกให้คุณค่ากับสิ่งของและชีวิตของผู้อื่น ของบางชิ้นอาจไม่มีคุณค่าสำหรับเราอีกต่อไป แต่สำหรับบางคน มันอาจคือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ เป็นความหวัง หรือแม้แต่การอยู่รอดในชีวิตประจำวัน 

ของแบบไหนที่เหมาะกับการบริจาค?

ก่อนจะบริจาค ลองสำรวจสิ่งของของเราดูว่าอะไรสามารถนำไปใช้ต่อได้บ้าง ของเหล่านี้ควรอยู่ใน สภาพดี พร้อมใช้งาน และไม่ก่อให้เกิดอันตราย หากสิ่งของชิ้นไหนชำรุดหรือไม่ปลอดภัย ควรแยกออกและหาวิธีรีไซเคิลหรือทิ้งอย่างถูกวิธีแทนที่จะบริจาค ตัวอย่างเช่น:

  • เสื้อผ้า/เครื่องนุ่งห่ม: เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่มีรอยขาดหรือชำรุดหนัก เช่น เสื้อยืด กางเกง เสื้อเชิ้ต เสื้อกันหนาว ชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า
  • ของใช้ในบ้าน: เครื่องครัว ผ้าห่ม พัดลม ที่นอน เครื่องใช้ไฟฟ้า (ที่ยังใช้งานได้)
  • หนังสือ: หนังสือเรียน หนังสือนิยาย วรรณกรรมสำหรับเยาวชน
  • ของเล่น: ของเล่นเด็กที่ยังใช้งานได้ดี ไม่มีชิ้นส่วนแตกหัก
  • อุปกรณ์การเรียน: กระเป๋า ดินสอ ปากกา สมุด

บริจาคที่ไหนดี? รวมแหล่งรับบริจาคที่น่าเชื่อถือในประเทศไทย

1.มูลนิธิกระจกเงา

หนึ่งในองค์กรที่หลายคนรู้จักดี มูลนิธิกระจกเงารับบริจาค ทั้งเสื้อผ้า หนังสือ คอมพิวเตอร์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้ทั่วไป เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้ขาดแคลน คนไร้บ้าน เด็กในถิ่นทุรกันดาร และผู้ป่วยที่ยากไร้ มีจุดรับบริจาคอยู่ที่สำนักงานมูลนิธิกระจกเงา และมีบริการกระจกเงา เดลิเวอรี่ รับสิ่งของบริจาคถึงหน้าบ้าน

ศูนย์รับบริจาคมูลนิธิกระจกเงา

เลขที่ 191 ซอย วิภาวดีรังสิต 62 แยก 4-7 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. 10210

เว็บไซต์: www.mirror.or.th

2.SOS – Scholars of Sustenance

องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นการลดขยะอาหาร โดยรับบริจาคอาหารที่ยังทานได้ เช่น ของแห้งหรืออาหารสดจากร้านค้า เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ชุมชนเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือ

เว็บไซต์: www.scholarsofsustenance.org/th

3.สถานสงเคราะห์เด็ก/บ้านเด็กกำพร้า

ในประเทศไทยมีสถานสงเคราะห์หลายแห่งทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เปิดรับบริจาคสิ่งของ อาทิ ของเล่น เสื้อผ้าเด็ก เครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อน แพมเพิร์ส นม หนังสือ หรืออุปกรณ์การเรียน เช่น:

  • บ้านเด็กอ่อนพญาไท

เว็บไซต์: https://www.facebook.com/Phayathaibabieshome/

  • บ้านเด็กอ่อนปากเกร็ด

เว็บไซต์: http://www.pakkredbabies.com/

  • โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา (บ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อน)

เว็บไซต์: https://www.facebook.com/blind00123/

  • มูลนิธิเด็ก

เว็บไซต์: https://www.ffc.or.th/

4.โรงพยาบาลรัฐ

โรงพยาบาลขนาดเล็กในต่างจังหวัด หรือโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น โรงพยาบาลมะเร็ง โรงพยาบาลสงฆ์ หรือโรงพยาบาลเด็ก โดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐ มักขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องฟอกไต เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์ที่ช่วยเหลือผู้ป่วย เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ผ้าห่ม เตียงลม หรือรถเข็น หากที่บ้านเรามีอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว การส่งต่อให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลนับว่ามีประโยชน์มาก

5.ตู้ปันสุข/ตู้แบ่งปัน

“ตู้ปันสุข” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงการประเภท Free Pantry, Food Sharing, Sharing Cupboard, Food Bank (ธนาคารอาหาร) ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อิตาลี เป็นต้น ที่เกิดการแบ่งปันอาหารในชุมชนขณะที่เกิดภาวะวิกฤติต่างๆ สำหรับโครงการประเภทนี้ในไทยเพิ่งเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน ในยุคโควิด-19 ที่ผู้คนเดือดร้อนและประสบกับปัญหาทางการเงินกันถ้วนหน้า แนวคิด “แบ่งปันแบบไม่ต้องรอ” โดยสามารถนำของที่สะอาด ทานได้ พร้อมใช้งาน ไปวางในตู้สาธารณะตามจุดต่างๆ เช่น หน้าวัด โรงเรียน หรือชุมชน เพื่อให้คนในพื้นที่หยิบไปใช้ได้ทันที และโครงการนี้ก็ได้รับการยอมรับจากคนรุ่นใหม่อย่างมาก เกิดการแชร์และส่งต่อกิจกรรมดีๆ แบบนี้ออกไปทั่วโลก จนเกิดเป็น New Normal ของการแบ่งปันในสังคมยุคใหม่ ที่สร้างรอยยิ้มและสู้ภัยโควิด-19 ไปด้วยกัน

ข้อควรระวังในการบริจาค

ตรวจสอบสภาพสิ่งของก่อนส่งต่อ: อย่าบริจาคของที่พังเสียหาย หรือหมดอายุ เพราะอาจสร้างภาระให้ผู้รับมากกว่าช่วยเหลือ

หาข้อมูลขององค์กรให้ชัดเจน: เพื่อมั่นใจว่าสิ่งของจะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริง ไม่ตกไปอยู่ในมือของพ่อค้าหรือถูกขายต่อ

บริจาคในเวลาที่เหมาะสม: ช่วงภัยพิบัติหรือฤดูหนาวอาจต้องการสิ่งของเฉพาะ เช่น เสื้อกันหนาว ผ้าห่ม หรือ อาหารแห้ง

ขนส่งอย่างเหมาะสม:หากของมีจำนวนมาก อาจประสานกับองค์กรเพื่อมารับที่บ้าน หรือจัดส่งทางขนส่งที่ปลอดภัย 

ของทุกชิ้นมีเรื่องราวในตัวมันเอง อาจเคยอยู่กับเราในช่วงเวลาสำคัญ และเมื่อมันหมดความหมายกับเราแล้วมันยังสามารถเริ่มต้นบทใหม่กับคนอื่นได้เสมอ การบริจาคจึงไม่ใช่แค่การ “ปล่อยของ” แต่คือการ “แบ่งปัน” และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้และผู้รับ บางครั้งของเล็กๆ เพียงชิ้นเดียว อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ให้ใครบางคนก็ได้ มาร่วมกันส่งต่อสิ่งดีๆ สู่สังคม เริ่มต้นได้จากบ้านของเราเองวันนี้

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน

มูลนิธิชัยอนันต์ เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมที่น่าอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินสนับสนุน การเป็นอาสาสมัคร การแบ่งปันความรู้ความสามารถ หรือแม้แต่การบอกต่อเรื่องราวดีๆ ของมูลนิธิฯ ทุกการสนับสนุนล้วนมีความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนแนวคิด “Help the Helpers” ให้เติบโตและสร้างผลกระทบเชิงบวกได้มากยิ่งขึ้น การสนับสนุนมูลนิธิชัยอนันต์จึงเป็นการลงทุนเพื่อสร้าง “ผู้ให้” ที่เข้มแข็งและสามารถส่งต่อความช่วยเหลือไปยังผู้ที่ต้องการได้อย่างไม่สิ้นสุด

หากท่านมีความสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมูลนิธิชัยอนันต์ หรือต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุน สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือติดต่อมูลนิธิฯ ได้โดยตรง

มูลนิธิชัยอนันต์: สนับสนุนผู้ให้เพื่อสังคมที่ยั่งยืน

www.chaianan.or.th

ติดต่อสอบถามโทร. 09-3000-3333

LINE : @Chaianan หรือคลิก : https://lin.ee/MsXI91u

แชร์บทความนี้